ภารกิจพิชิตเหี้ย!!!!
โดย
ใน 19/10/07 ที่ 03:53:55 (2642 เปิดอ่าน)
เมื่อตอนกลางวันเพื่อนชวนไปนั่งกินอะไรกันที่สวนลุม
เราก็ปูเสื่อกันริมน้ำ พอดีมีเพื่อนเป็นคนอิสาน เขาตำส้มตำเป็น ก็เอาครกไปด้วยก็ตำส้มตำกินกัน อร่อยมาก
จังหวะที่เพื่อนๆเราเดินออกไปซื้อน้ำอัดลม เราก็นอนคว่ำบนเสื่อ อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมภ์ดารา
เหมือนมีอะไรเย็นๆที่น่องเรา เราก็นึกว่าเพื่อนแกล้ง พอหันไปดูแทบช๊อก เหี้ย ตัวเป็นๆ เอาลิ้นสองแฉกเลียน่องขาวๆของเรา
เราลุกขึ้นเอาเท้าเตะปากมัน ฟาดไปโดนครกส้มตำคว่ำ เหี้ยมันสู้เราด้วย กัดเท้าเรา จมเขี้ยวเลย
เราตกใจมาก คว้าเอาสากทุบหัวเหี้ยตั้งหลายที ทุบๆๆๆ เหนื่อยมาก มันถึงปล่อย แล้วคลานหนีลงน้ำไป
เราไม่กล้าบอกเพื่อนว่าโดนเหี้ยกัด พอเพื่อนมา เราก็บอกมันว่าหมากัด
เพื่อนเราพาไปล้างแผลที่ห้องน้ำ แต่เรายังไม่ได้ไปหาหมอเลย
เรากลัวว่ามันจะมีโรคเหี้ยบ้าไหม แต่คิดๆอีกทีเหี้ยไม่ใช่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มันคงไม่มีโรคเหี้ยบ้า
แต่เราก็ยังใจคอไม่ดี กลัวมันจะมีโรคเฉพาะอะไรของเหี้ยหรือเปล่า
ตอนนี้ล้างแผล ใส่เบต้าดีน พันผ้าไว้แล้ว แต่ไม่สบายใจมากถึงมากที่สุด
หนักใจอีกเรื่อง เราไม่กล้าบอกเพื่อนว่าเราเอาสากไปตีหัวเหี้ยแล้ว กลัวเพื่อนเอาไปตำส้มตำอีก พวกนายว่า ถ้าวันเกิดมันเราซื้อสากไม้สวยๆ ให้มันมันจะสงสัยอะไรไหม
ตอนนี้แผลที่เท้าก็ปวดๆชาๆ แต่ถ้านึกตอนที่ได้เตะปากเหี้ยมันก็สะใจ เราว่าคุ้มอ่ะ ยังไงพวกเหี้ยนี่ปล่อยไว้ไม่ได้ เราจะลองคิดๆแผนไปจัดการมัน ให้เกลี้ยงสวนลุม มันจะได้ไม่ไปทำร้ายใครอีก
ตอนนี้ กำลังงงๆ เราต้องไปโรงพยาบาลสัตว์ หรือโรงพยาบาลของคนทั่วไปดีวะ
ตกลงเราไปโรงพยาบาลคนนะ โรงบาลตากสิน เรามีประกันสังคมอยู่
อุตสาห์ไปแต่เช้า ได้ตรวจสิบโมง ดีที่เจ้านายให้ลา
หมอเอาเนื้อเยื่อเราเข้าแลบไปตรวจด้วย นัดเราอีกทีวันจันทร์หน้า
โดนหมอด่านิดนึงว่าทำไมเพิ่งมา เราบอกเมื่อวานมัวแต่ตกใจ
ก็แก้ตัวว่าทำแผลอย่างดีแล้ว หมอก็ฉีดวัคซีนบาดทะยักให้
แล้วให้ยาแก้อักเสบ กับยาพารามากินอีกสองแผง
ย้ำเราด้วยว่าระหว่างนี้พยายามอย่าให้โดนเหี้ยกัดซ้ำ อีก
เราบอกหมอ เราอยู่เฉยๆ เหี้ยมันกัดเราเอง
ถามหมอว่า แล้วต้องตัดหัวเหี้ยมาตรวจเชื้ออะไรไหม หมอบอกไม่ต้อง
แต่ก็ดีแล้ว ถึงหมอบอกให้ตัดมา เราก็ไม่รู้ว่าเหี้ยตัวไหนที่กัดเรา
ก็เห็นหน้าตามันเหมือนๆ กันหมด ตัวแม่ ตัวลูก
ขากลับนั่งรถเล็ก บ้านเราอยู่เจริญนคร 55 คนก็มองเท้าเรา เพราะมันบวมมาก
แวะซื้อขนมที่เซเว่นหน้าตลาด เด็กมันก็ถามเราโดนอะไรมา
เราบอกโดนเหี้ยกัด เด็กค้อนเราใหญ่ เราบอกว่าจริงๆ มันก็ไม่มองหน้าเราแล้ว
นั่งกินแยมโรลรสส้มหน้าบ้าน ก็นึกๆ อยู่ว่าจะเอาไงกับเหี้ยพวกนี้ดี
เห็นอยู่สบายเต็มสวน ไม่นึกว่าจะทำร้ายคนด้วย
เราว่ามันอยู่กันเยอะไป แล้วไม่กลัวคนเลย ถ้าเมื่อวานเราไม่สู้มัน
เราจะโดนมันลากลงไปกินในน้ำไหม
แล้วพวกนายคิดดู เด็กเล็กๆ ไปวิ่งเล่นในสวน ถ้าพ่อแม่เผลอ จะโดนเหี้ยพวกนี้ทำอะไรบ้าง
เราเลยคิดว่าเราจะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ก็กลัวๆบาปเหมือนกัน
ถ้าเราวางยาเบื่อเหี้ยพวกนี้บ้างจะดีไหม มันจะได้น้อยๆลง แล้วก็กลัวๆคนบ้าง
ไม่อยากให้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่โดนเหี้ยกัดกับตัวคงไม่มีใครสนใจ
ถ้าไปสวนสาธารณะแล้วยังไม่ปลอดภัย ความมั่นคงในชีวิตคนกรุงเทพอยู่ที่ไหน
อีกอย่างเหี้ยที่เราเห็นก็ตัวใหญ่ๆทั้งนั้น จะต้องใช้ยาเท่าไหร่มันถึงจะตาย
เราว่าวิธีเอาไม้กอล์ฟหวดที่นายว่ามันก็น่าจะได้ผล
ทุบ ๆ ๆ ๆ ทุบ ๆ ๆ ๆ
ยิ่งถ้ามันสู้ด้วยนี่คงมันพิลึก
แต่เราว่ามันโหดไปอ่ะ พวกมือถือสากปากถือศีลที่เห็นใจเหี้ย จนเป็นเพื่อนเหี้ยไปแล้ว เพราะไม่เคยโดนเหี้ยกัด คงร้อนใจ ออกมาห้ามเราแน่ ใจเราไม่ได้อยากฆ่าเหี้ย เราไม่ได้เกลียดเหี้ย แต่เราเกลียดพฤติกรรมมันนี่แหละ ทำไรไม่ถูก
.
.
.
เครียด
.
.
.
วันนี้ไปทำงาน เพื่อนทักตั้งแต่ชั้นหนึ่ง ถึงชั้นห้าเลย จริงๆ เราก็อยากอวดแผลเพื่อนด้วย
เลยขึ้นลิฟท์ไปเดินโชว์ทุกชั้นเลย ตอนเย็นไม่รู้คิดไปเองไหม เราว่าแผลมันระบมกว่าเดิม
พี่ยามหน้าตึก(หล่อด้วยคนนี้)บอกว่า ทีหลังชวนเขาไปเที่ยวสวนลุมบ้าง เขาจะไปดูลู่ทาง
เผื่อจะจับเหี้ยพวกนี้มากิน เราแบบ อยากเลิกคุยด้วยเลย คนอะไรกินเหี้ย
แต่พี่เขาบอกแถวบ้านเขากินกัน อร่อยด้วย โดยเฉพาะเนื้อตรงส่วนหาง
เราเลยได้ไอเดีย นั่งคุยกับพี่ยามจนค่ำเลยเรื่องจับเหี้ย
คือเราคิดว่าถ้าเราแผลหายแล้ว เราจะลองชวนเพื่อนที่มีรถ เอารถไปหนองคายกันซักวัน
ไปรับพี่ชาย กับหลาน ของพี่ยามมา แล้วก็เอาอุปกรณ์จับเหี้ยมาด้วย
พี่เขาบอกไม่ต้องอะไรมาก ก็มีไม้ไว้ทุบเหี้ย กับเชือก แล้วก็กระสอบ
เราเสนอว่ายิงหนังสติ๊กไหม (แถวบ้านเราเรียกปางนู)
พี่เขาบอกลูกหินทำอะไรเหี้ยไม่ได้หรอก ต้องทุบหัวอย่างเดียว
หรือไม่ก็เอาเชือกผูกเป็นบ่วงคล้องคอมัน
เราฟังแล้วพี่เขาเก่งดี พี่ชาย กับหลานเขาก็น่าจะคล่อง
ตอนแรกก็คุยกันว่าพ่อพี่เขาก็จับเหี้ยได้ แต่เราว่าแกก็แก่แล้ว เลยไม่อยากให้มาลำบาก
พี่ยามบอกว่าพี่กับหลานเขายังไม่เคยมากรุงเทพเลย เราเลยบอกว่างั้นจับเหี้ยเสร็จ
เราจะพาไปเดินสยามพารากอน
เราว่าถ้าช่วยๆกัน วันนั้นอย่างน้อยต้องจับได้สักสิบตัว แล้วถ้าจับพวกตัวแม่ๆได้หมด
มันก็จะไม่ผลิตลูกหลานออกมาเยอะอย่างนี้
ปัญหาตอนนี้คือยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะเอายังไงเรื่องว ันเดินทาง เพราะเราไม่อยากลางาน
เลยแพลนๆกันว่า เลิกงานวันศุกร์ ค่อยออกเดินทางกับเพื่อน แล้วก็พี่ยาม
ไปนอนค้างที่หนองคายสักคืน แล้วตอนเช้าก็กลับเข้ากรุงเทพกันห้าคน แล้วจับเหี้ยกันวันเสาร์เลย
ถ้าจะให้คุ้ม วันอาทิตย์ต้องจับอีกวัน แต่ปัญหาคือเราจะเอาเหี้ยไปไว้ที่ไหนคืนนึง
ถ้าเอามาไว้บ้านเราที่ฝั่งธน ต้องโดนน้าตบแน่ เลยแอบๆคิดนะ แค่แอบๆยังไม่ตัดสินใจ
คือเราอาจแอบเอาเหี้ยไปไว้ที่โรงรถตึกออฟฟิสเรา เพราะยังไงพี่ยามน่าจะจัดการได้
แล้ววันอาทิตย์จับเหี้ยเพิ่ม แล้วก็กลับหนองคายเลย แต่ยังไงก็ต้องลางานวันจันทร์อยู่ดี
ถึงไม่แน่ใจไง ว่าเราควรไปหนองคายคืนวันเสาร์เลยไหม แต่เราว่ามันเหนื่อยไป
อาจจะต้องตัดใจยอมลาวันจันทร์อีกสักวัน เราว่าถ้าเราอธิบายเจ้านายดีๆ เขาน่าจะเข้าใจ
ทั้งหมดนี้เรายังไม่คุยกับเพื่อนเลย ไม่รู้มันจะเอาด้วยไหม แต่เพื่อนเราใจดีนะ
เอาไว้ใกล้ๆค่อยคุยกับมัน
ดีใจเหมือนกันที่มีทางออกอย่างน้อยก็นิดหน่อย มันคงไม่บาปมากถ้าเหี้ยพวกนี้ได้ไปเป็นอาหาร
ถ้าเหี้ยมันรู้ว่าคนจะจับมันมันจะได้กลัวคนมากกว่านี ้ แต่ก็นั่นแหละ
แค่โดนจับไปกินซะบ้างอาจจะไม่เพียงพอ เราเลยต้องคิดแผนอะไรไปเรื่อยๆ
ว่าจะเอายังไงดี ตอนนี้ก็นั่งคิดอยู่ จิบชาไป คิดเรื่องทุบเหี้ยไป
.
.
.
.